วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2561

หน่วยที่ 2 การจัดการในบ้าน

หน่วยที่ 2 การจัดการในบ้าน

หน่วยที่ 2 การจัดการในบ้าน

1




เทคนิคการจัดตกแต่งบ้านให้ได้สัดส่วน

        การจัดตกแต่งบ้าน จะทำให้บ้านของเราสวยงาม ไม่น่าเบื่อ และยังตอบสนองความต้องการ และการใช้ชีวิตของผู้อาศัยอีกด้วย ดังนั้นเราควรออกแบบวางแผนการจัดบ้าน ตกแต่งบ้านเพื่อให้ได้บ้านที่น่าอยู่ สวยงามเป็นระเบียบ


       1.การจัดแต่งโซนบ้านอย่างเป็นสัดส่วน บ้าน ควรมีการวางแผนผังของบบ้าน ตำแหน่งของห้อง และการใช้ประโยชน์ของแต่ละพื้นที่ให้เหมาะสม  เช่น ห้องรับแขก  ควรอยู่ด้านหน้าสุดของตัวบ้าน เพื่อใช้ต้อนรับแขกที่มาหา ส่วนห้องน้ำ ควรอยู่ใกล้กับห้องรับแขก ให้สามารถเข้าใช้งานได้สะดวก ห้องนอน ควรอยู่บริเวณด้านหลังของตัวบ้าน เพื่อป้องกันเสียงรบกวนในขณะที่นอนหลับ ห้องครัว ควรอยู่บริเวณด้านหลังของตัวบ้าน เพื่อป้องกันกลิ่น และควันจากการทำอาหาร แต่ไม่ควรสร้างติดกับห้องนอน เพราะจะเป็นการรบกวนการนอนหลับของคุณ

การจัดแต่งโซนบ้านอย่างเป็นสัดส่วน

       2.การจัดตกแต่งผนังห้องไม่ ควรกั้นผนังห้องมากเพราะทำให้ดูอึดอัด ห้องที่สามารถใช้ร่วมกันได้ เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ห้องทางข้าวอยู่ในโซนเดียวกัน จะทำให้บ้านดูโล่ง สามารถมองเห็นวิวภายนอก  ยังได้รับแสงแดด ส่วนผนังสามารถทาสี หรือ เปลี่ยนวัสดุตามกว้างของพื้นที่ใช้ประโยชน์ เพื่อแบ่งโซนการใช้งานได้ นอกจากนั้นยังสามารถตกแต่งหน้าต่าง ด้วยผ้าม่านเพื่อความสวยงาม กันแสง และเพื่อความเป็นส่วนตัว ส่วนผนังตกแต่งด้วยภาพหรือกระจกเงา ส่วนพื้นที่มุมห้องให้ตั้งกระถางดอกไม้ประดับเพื่อความสวยงามและสบายตา

การจัดตกแต่งผนังห้อง
       3. การเดินทางเข้าออก สะดวก
การ จัดวางแผนผังการเข้าออกบ้าน ให้สะดวกในการเดินทางติดต่อถึงกันสะดวก เช่น ระยะห่างจากประตูรั้วกับประตูบ้าน ระยะห่างจากตัวบ้านไปยังบริเวณอื่นนอกตัวบ้าน เช่น พื้นที่ซักล้าง ตากผ้า และครัวหรือโรงรถที่แยกอยู่ต่างหาก หรือระหว่างห้องนอนพ่อแม่กับห้องนอนลูก ระหว่างห้องครัวกับห้องกินข้าว และห้องนอนกับห้องน้ำ ฯลฯ

การเดินทางเข้าออก สะดวก
       4.พื้นสามารถแบ่งโชนสัดส่วนการทำกิจกรรมในบ้านได้
พื้น บ้านควรแต่งพื้นบ้านโดยเน้นให้เข้ากับตัวบ้าน แล้วเราสามารถเลือกตกแต่งพื้นบ้าน โดยใช้ความต่างของวัสดุ สี ลวดลายสามารถแบ่งโชนสัดส่วนการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ การแบ่งเส้น ตีกรอบลวดลายที่แตกต่าง หรือความต่างของระดับย่อมช่วยแสดงอาณาเขตของส่วนที่ตั้งใจให้ดูแยกส่วนกัน ได้ หากพื้นที่มีขนาดเล็กก็ไม่ควรมีลวดลายสีสันต่างกันมากเพราะทำให้ขาดการต่อ เนื่องของพื้นที่ นำไปสู่ความรู้สึกขัดตาได้ ควรใช้รูปแบบเดียวกัน หรือโทนสีไปในทางเดียวกันก็ได้ หรือการปูพรมผืนก็เป็นลูกเล่นบนพื้นอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยจำกัดขอบเขตและแบ่ง กลุ่มของกิจกรรมได้ชัดเจน และสามารถเปลี่ยนลายใหม่ได้เมื่อต้องการ ส่วน วัสดุพื้นไม้บาไก้ ข้อดีคือไม้จะไม่ดูดซับความเย็น เวลาเดินจะรู้สึกไม่เย็นเท้า เหมาะกับห้องนอน ข้อเสียคือ การแต่งบ้านด้วยพื้นไม้เวลาโดนน้ำทำให้พื้นบ้านร่อนได้ง่าย และสีของเนื้อไม้ก็จะซีดได้ง่ายด้วย ส่วนพื้นกระเบื้อง ข้อดีคือ มีความแข็งแรง ทนทาน กันน้ำได้ดี ทำความสะอาดง่าย มีให้เลือกหลายสีหลายแบบ แต่ข้อเสียคือ แบบกระเบื้องมักล้าสมัย อยากเปลี่ยนใหม่ต้องรื้อทำใหม่หมด หากมีกระเบื้องแตกอาจหาลายเดิมไม่ได้ หรือหายาก

พื้นสามารถแบ่งโชนสัดส่วนการทำกิจกรรมในบ้านได้
   
    5.เพดานฝ้าช่วยกำหนดขอบเขตของพื้นที่ที่เห็นได้ชัดเจน
ลักษณะ ของฝ้าเพดานก็ช่วยในการกำหนดขอบเขตของพื้นที่ในบ้านให้เห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังเป็นเสมือนเส้นกรอบให้การวางตำแหน่งโคมไฟฟ้าทำได้ง่ายขึ้นด้วย

เพดานฝ้าช่วยกำหนดขอบเขตของพื้นที่ที่เห็นได้ชัดเจน
    
   6.แสงจากการวางตำแหน่งดวงโคมในพื้นที่ต่างๆ
การ วางตำแหน่งดวงโคมในพื้นที่ต่างๆ ต้องคำนึงถึงแสงสว่างสำหรับการใช้งาน ที่ต้องมีให้พอเพียงต่อการใช้งานอะไรก็ตามที่จะเกิดในบริเวณนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟฝังเพดาน โคมแขวนหรือโคมตั้งโต๊ะ-ตั้งพื้น หรือแม้แต่การแบ่งกลุ่มการเปิดปิดสวิตช์ไฟฟ้า จึงเสมือนเป็นการจัดกลุ่มความสว่างให้สอดคล้องกับการใช้สอยที่จะเกิดใน พื้นที่นั้นๆ ไปในตัวแสงจากการวางตำแหน่งดวงโคมในพื้นที่ต่างๆ
      
  7.การวางตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ แบ่ง เนื้อที่และจัดเครื่องเรือนให้สอดคล้องกับกิจกรรมในบ้าน และต้องไม่ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกอึดอัด การจัดวางชุดรับแขก โต๊ะกิจข้าว การหันของโซฟา เก้าอี้ เข้าหาโต๊ะกลางจะช่วยกำหนดขอบเขตของกิจกรรมนั้นๆ หรือวงเคาน์เตอร์ครัวที่กั้นกับพื้นที่ภายนอกช่วยบอกให้รู้ได้เป็นอย่างดี ว่าเขตของกิจกรรมทำครัวควรจะอยู่ในพื้นที่ใดบ้าง กรณีห้องขนาดกว้างก็ไม่ควรจัดเครื่องเรือนกระจัดกระจาย ซึ่งจะทำให้เปลืองแรงและเสียเวลาเกินความจำเป็น การเลือกใช้เครื่องเรือนควรเลือกที่ง่ายต่อการดูแลรักษาและทำความสะอาด เมื่อใช้แล้วควรจัดเก็บอุปกรณ์เครื่องใช้ให้เป็นที่เป็นทาง โดยจัดเก็บไว้ในห้องเก็บของตู้ หรือชั้นวางของ เพื่อให้บ้านดูสะอาด ไม่รกรุงรัง มีระเบียบ และไม่ต้องเสียเวลาในการค้นหา
การวางตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์
      
  8.บ้านต้องมีการตกแต่งบริเวณบ้านให้น่าอยู่
การ จัดตกแต่งสวน บริเวณบ้านจะช่วยให้บ้านดูร่มรื่นสวยงามน่าอยู่ ต้นไม้จะช่วยลดความกระด้างของตัวอาคาร ร่มเงาของต้นไม้ช่วยคลายความร้อน บริเวณรอบนอกสามารถจัดเป็นลานนั่งเล่น เป็นที่พักผ่อนรับแขก จัดเลี้ยงในหมู่เพื่อนฝูง และยังใช้เป็นมุมสงบส่วนตัวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย    แต่งสวนหน้าบ้านให้ร่มรื่น โดยการปลูกต้นไม้ไว้รอบๆบ้าน อาจจะปลูกต้นไม้ใหญ่สลับกับต้นไม้เล็กๆ หรืออาจจะปลูกพืชสวนครัวไว้เก็บไปทำอาหารด้วยก็ได้ แล้วที่สำคัญควรปลูกหญ้าไว้รอบๆบ้านด้วย เพราะจะช่วยสร้างความร่มรื่น เย็นสบาย ลดความร้อนที่จะเข้ามายังตัวบ้าน และยังเป็นการสร้างอากาศดีบริสุทธิ์ให้กับบ้านของเราอีกด้วย

บ้านต้องมีการตกแต่งบริเวณบ้านให้น่าอยู่

       9.จัดแต่งรั้ว และระเบียงบ้านให้เข้ากับคุณ
การ แต่งรั้ว และระเบียงบ้านจะช่วยสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่ให้กับบ้านอีกทางหนึ่ง หากชอบความเป็นธรรมชาติการสร้างรั้วด้วยไม้ แต่ข้อเสียคือจะไม่ค่อยแข็งแรง หรืออาจจะสร้างด้วยกำแพงปูนตกแต่งให้สวยได้หลายๆแบบ ข้อดีคือแข็งแรงทนทาน  ซึ่งการเลือกตกแต่งรั้วบ้านก็ขึ้นอยู่กับรสนิยม และงบประมาณของเจ้าของบ้านด้วย

แต่งรั้ว และระเบียงบ้านให้เข้ากับคุณ จะเห็นว่าเราสามารถตกแต่งบ้านให้ น่าอยู่ แบ่งพื้นที่ เพื่อกำหนดขอบเขตของกิจกรรมแต่พื้นที่ จัดวางเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่งบ้านอย่างถูกต้อง เหมาะสม และเข้ากับตัวบ้านแล้วการใช้ชีวิต  บ้านของเราก็จะสวยงาม และอยู่แล้วมีความสุข



                                     1 ความปลอดภัยในการทำงานบ้าน




หลักการและวิธีทําความสะอาด อย่างปลอดภัย        
   

            แยกพื้นที่ที่จะทําความสะอาดให้อยู่ในวงจํากัดในมุมหนึ่งของบ้านและควรทํานอกอาคารถ้าเป็นไปได้  ในกรณี ที่วัสดุนั้นๆยากแก่การทําความสะอาดหรือ มีรูพรุนมากมี เชื้อรามากให้คัดแยกวัสดุนั้นทิ้งไป ตัวอย่างเช่น  กระดาษฉนวน พรมรองพื้น ฝ้าเพดาน ยิบซัมฝ้าผนัง ผลิตภัณฑ์ไม้ที่บดอัดขึ้นรูป เป็นต้น ในการ ทิ้งต้องห่อด้วยพลาสติกกันการฟุ้งกระจายของสปอร์ราด้วย

            พึงตระหนักว่าการเช็ดล้างเป็นการทําความสะอาดพื้นผิว แต่อาจจะยังไม่สามารถทําให้เชื้อราตายได้ จึงควรใช้สารฆ่าเชื้อราเพื่อให้มั่นใจในการหยุดยั้งการทําอันตรายต่อสุขภาพ เชื้อราที่ตายไปแล้วยังคงสามารถ ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพเช่นกันซึ่งเป็นผลจากการผลิตสารพิษของเชื้อรา

            เฝ้าระวังการเกิดราใหม่เสมอทํา ถ้าหากผลยังไม่เป็นที่พอใจและต้องลดกิจกรรมใดๆที่จะทําให้มี ความชื้นอยู่ใน อากาศนานๆเช่น การตากผ้าในบ้าน การต้มน้ำ ทํากับข้าวภายในบ้านการปิดเครื่องปรับอากาศแล้วเปิดหน้าต่างทันที เป็นต้น

           กรณี พื้นผิววัสดุที่ขึ้นรามี สภาพแห้งและรามี ลักษณะฟู เห็นเส้นใยโผล่ออกมาต้องระวังห้ามใช้ผ้าแห้ง เช็ดเพราะสปอร์ของราจะฟุ้งกระจายได้ และไม่ควรเปิดพัดลมเพราะแรงลมจะยิ่งทําให้สปอร์ของราฟุ้งกระจายได้ ง่ายขึ้น ให้ใช้กระดาษทิชชูเนื้อเหนียวแผ่นหนาและขนาดใหญ่ๆจะดีมากพรมน้ำให้เปียกเล็กน้อย(หรือใช้กระดาษ หนังสือพิมพ์ก็ได้) ชุบน้ำพอหมาดๆเช็ดพื้นผิวโดยให้เช็ดจากล่างขึ้นบนหรือจากซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้ายก็ได้ แต่ต้องเช็ดไปทางเดียวเท่านั้น   ห้ามเช็ดย้อนไปมา  เช็ดแล้วทิ้งเลย  ไม่เช็ดถูไปถูมา  ไม่ต้องประหยัดเพราะจะทํา ให้มันหลุดออกไม่หมด  (หลุดไปแล้วกลับมาติดใหม่  ) กระดาษที่เช็ดนี้ควรรวบรวมใส่ถุงขยะขนาดใหญ่ และ ระมัดระวังในการขยับปากถุงอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้สปอร์ของราฟุ้งกระจายง่ายจากลมกระพือขณะเปิดปิดปากถุง



                                            1 



การทําความสะอาดบ้าน มีหลายวิธี เเต่มีขั้นตอนสรุปง่ายๆดังนี้  
1. เก็บของให้เป็นที่หลายๆ คนไม่เคยฝึกตัวเองให้เป็นคนมีระเบียบ หยิบฉวยอะไรได้ เมื่อใช้เสร็จเรียบร้อย ก็วางทิ้งเกะกะ ไม่เป็นที่เป็นทาง เวลาจะใช้อีก ก็ค้นหากันจนเหนื่อย และมักจะไม่เจอ ต้องซื้อใหม่กันอยู่ตลอดเวลา นอกจากเป็นการสิ้นเปลืองแล้ว ยังทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ร่วมกัน เกิดความหงุดหงิด รำคาญใจอีกด้วย

ดังนั้น จึงควรฝึกระเบียบตัวเองเสียใหม่ หยิบอะไรมาจากตรงไหน ใช้เสร็จก็นำกลับไปวางไว้ที่เดิม แค่ฝึกทำไม่กี่ครั้ง เราก็จะเริ่มชิน และสุดท้าย ก็จะกลายเป็นนิสัยถาวร ที่ต้องเก็บของเข้าที่ให้เรียบร้อยไปในที่สุด โดยไม่รู้สึกว่าลำบากยุ่งยากอีกเลย ทีนี้ เราก็จะไม่ต้องเสียเวลาค้นหา หรือซื้อใหม่ ทำให้บ้านช่องมีความเป็นระเบียบ เรียบร้อยมากขึ้นเป็นกอง


2. เรื่องการถอดรองเท้าไม่จำเป็นต้องเป็นคุณพ่อบ้าน คุณแม่บ้าน หรือคุณลูกๆ สมัยนี้ ก็ติดนิสัยถอดรองเท้ากองสุมกันไว้ ไม่เป็นระเบียบ เช้าขึ้นมาก็ค่อยมาหารองเท้า และไม่ค่อยสนใจทำความสะอาดกันเลย เรียกได้ว่า ใส่จนขาดคาเท้า ยังไม่เคยทำความสะอาดกันเลยก็มี

วิธีการแก้ไข คือ ควรจะหาตู้ใส่รองเท้า ให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในบ้าน พร้อมกับหาอุปกรณ์ทำความสะอาดรองเท้า มาเตรียมไว้ในตู้ให้พร้อม เมื่อกลับถึงบ้าน ก็เก็บรองเท้าเข้าตู้ให้เรียบร้อย เพียงเท่านี้ปัญหารองเท้าหาย ไม่ครบคู่ก็จะหมดไปค่ะ


3. การทำความสะอาดห้องนอนควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุก 3 วัน หรืออย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ในวันหยุดควรเปิดผ้าม่าน เพื่อรับแสงสว่าง และเปิดหน้าต่างเพื่อเป็นการถ่ายเทอากาศ ให้ห้องนอนได้มีกลิ่นหอม สะอาดอยู่เสมอ


4. การทำความสะอาดห้องน้ำควรทำความสะอาดห้องน้ำอย่างน้อย วันเว้นวัน แต่ในทุกครั้งที่เสร็จสิ้นภารกิจการใช้ห้องน้ำ ควรรีดน้ำจากพื้นให้พื้นแห้ง เป็นการป้องกันการเป็นตะไคร่ และลื่นล้มได้


5. การทำความสะอาดห้องครัวเพราะห้องครัวเป็นแหล่งรวมสารพัดกลิ่น หากไม่ทำความสะอาดให้ดี อาจจะกลายเป็นแหล่งรวมสารพัดสัตว์ได้อีกด้วย ดังนั้น ทุกครั้งที่ใช้ห้องครัวเสร็จ ควรฉีดสเปรย์ปรับอากาศ หรือจะผสมน้ำส้มสายชู กับโซดาไฟ และน้ำมะนาวครึ่งซีก แล้วฉีดไปรอบๆ บริเวณห้องครัว เพื่อดับกลิ่นคาว จะช่วยให้ห้องครัวมีกลิ่นสะอาดขึ้นค่ะ









                 3 

อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านที่สำคัญ




1.ถุงมือยาง เป็นสิ่งสำคัญมากให้การป้องกันความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาใช้สารเคมีทำความสะอาดที่มีความเข้มข้นมาก ลองซื้อถุงมือหลากสีแล้ว คุณจะได้รู้ว่าสีไหนใช้กับครัวและสีไหนใช้ทำความสะอาดห้องน้ำ


2.ไม้ขนไก่และผ้าไมโครไฟเบอร์ เหมาะสำหรับใช้ปัดฝุ่นทุกพื้นผิว รวมไปถึงด้านหลังและด้านบนเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ด้วย ผ้าไมโครไฟเบอร์สามารถดูดซับแม้อณูฝุ่นที่เล็กที่สุดได้


3.ที่โกยผง แปรง และไม้กวาด สำหรับการกวาดบ้านและบริเวณรอบๆ บ้าน


4.ฟองน้ำ ผ้าขี้ริ้ว และผ้าไมโครไฟเบอร์ สำหรับการล้างจานไปจนถึงการทำความสะอาดพื้นผิวในห้องน้ำและห้องครัว เหมือนกับถุงมือยาง เราแนะนำให้คุณซื้อผ้าหลากสีเพื่อจะได้แยกได้ง่ายว่าสีไหนสำหรับห้องน้ำ สีไหนสำหรับห้องครัว


5.เครื่องดูดฝุ่น จำเป็นมากสำหรับการดูดฝุ่น ไรฝุ่น ผม และสิงสกปรกอื่นๆที่สะสมอยู่ในพื้นหรือพรม


6.ไม้ถูพื้นและถังน้ำซักผ้า สำหรับทำความสะอาดพื้นหลังจากการดูดฝุ่น
7.แปรงขัดส้วมและปั๊มดูดส้วม เพื่อรักษาความสะอาดของโถส้วม


4  




                             5 การวางแผนการทำงานและการใช้ทรัพยากรในบ้าน

              ขั้นตอนและประโยชน์ของการวางแผนทำงานบ้านการวางแผนทำงานบ้าน คือ  การกำหนดแนวปฏิบัติงานไว้ล่วงหน้า  ว่าจะทำอย่างไร  ทำเมื่อไร  ทำโดยวิธีใด  ใครเป็นผู้ทำและกำหนดงานเสร็จเมื่อไรขั้นตอนการวางแผนทำงานบ้าน              
              ก่อนทำงานบ้านควรวางแผนเป็นลำดับขั้นจะช่วยให้ทำงานได้สะดวก รวดเร็ว เรียบร้อยและมีคุณภาพ  ซึ่งมีขั้นตอนในการวางแผนทำงานบ้าน ดังนี้  

1.สำรวจและวิเคราะห์งาน การเตรียมการก่อนทำงานบ้านรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงานบ้านทั้งหมดและจัดแบ่งประเภทของงานบ้านดังนี้
             - งานบ้านที่ต้องทำทุกวัน เช่น การกวาดและถูบ้าน การรดน้ำต้นไม้ การทำอาหาร
             - งานบ้านที่ต้องทำทุกสัปดาห์ เช่น การทำความสะอาดปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน เป็นต้น
             - งานบ้านที่นานๆครั้งจึงจะทำ เช่น การซ่อมแซมบ้าน การทาสีบ้านใหม่ เป็นต้น
ศึกษาขั้นตอนและวิธีการทำงานแต่ละประเภท
              รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกเพื่อจัดแบ่งหน้าที่และปริมาณงานให้เหมาะสมกับเพศวัย และความสามารถของแต่ละบุคคล
เตรียมวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำงานให้เหมาะสมกับประเภทของงาน โดยเลือกใช้ที่ช่วยให้ทำงานได้ง่าย ประหยัดเวลา มีความปลอดภัยในการทำงาน และช่วยอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น การเลือกใช้น้ำเปล่าและกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ใช้แล้วแทนน้ำยาเช็ดกระจกที่มีราคาแพง เป็นต้น

2. การวางแผน   การกำหนดเป้าหมายของการทำงานว่าต้องการทำงานอะไร มีปริมาณงานมากน้อยเพียงใด จำนวนบุคคล หน้าที่ทำงาน และระยะเวลาที่ใช้ในการทำงาน โดยสามารถทำเป็นตารางดังนี้ตัวอย่าง ตารางกำหนดเป้าหมายในการทำงาน

3. ลงมือปฏิบัติตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

4. ทำความสะอาดและเก็บเครื่องมือที่ใช้ในการทำงานให้เรียนร้อย

5. ประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อนำไปปรับปรุงในการทำงานครั้งต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การสร้างสิ้งของเครื่องใช้ตามกระบวนการ เทคโนโลยี

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การสร้างสิ้งของเครื่องใช้ตามกระบวนการ เทคโนโลยี การสร้างสิ่งของเครื่องใช้ตามกระบวนการเทคโนโลยี กระบวนก...